ขับไล่พม่าออกจากเมืองไทย

                          อาณาเขตของก๊กพระฝางจึงกว้างใหญ่ไพศาลมากที่สุด  ซึ่งมีอาณาเขตดังนี้  คือ  น่าน  แพร่  หลวงพระบาง  เวียงจันทร์  พิษณุโลก  พิจิตร  นครสวรรค์  ชัยนาท  อุทัยธานี  เจ้าพระฝางได้ติดที่จะขยายอาณาเขตในความปกครองของท่านให้กว้างออกไปอีก  แต่ได้พักกำลังกองทัพและดูท่าทีของก๊กอื่น ๆ อยู่

ในขณะนั้นก๊กทั้งหมดมี ๖ ก๊ก  แต่เหลืออยู่ ๔ ก๊ก  คือ

                          .  ก๊กพระเจ้าตากสินมหาราช  ตั้งมั่นอยู่ที่กรุงธนบุรี

                          .  ก๊กเจ้าพระฝาง  ตั้งมั่นอยู่ที่วัดพระฝาง  เมืองสวางคบุรี (ปัจจุบัน คือตำบลผาจุก  อำเภอเมือง  จังหวัดอุตรดิตถ์)  ทั้งสองก๊กนี้มีกำลังเท่า ๆ กัน  แต่ก๊กของพระเจ้าตากสินมหาราชได้เปรียบกว่า  เพราะผู้นำเป็นนักรบโดยแท้  ส่วนก๊กเจ้าพระฝางผู้นำเป็นนักบวช  อาศัยที่ประชาชนเลื่อมใสในเรื่องวิทยาอาคม  เพราะในสมัยนั้นเชื่อถือเรื่องไสยศาสตร์กันมาก  ทำให้พุทธศาสนามีเข้ามาสอดแทรกอย่างมากมาย  ก๊กพระเจ้าตากสินมหาราชสามารถชัยชนะก๊กสุกี้พระนายกองที่ตั้งมั่นอยู่ในกรุงศรีอยุธยา  โดยพระเจ้าตากสินมหาราชตีเอากรุงศรีอยุธยาคืนมาได้  ส่วนก๊กเจ้าพระฝางก็สามารถก๊กพิษณุโลกได้

                          .  ก๊กเจ้าพิมาย  หัวหน้า คือ  กรมหมื่นเทพพิพิธ  ซึ่งเป็นโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองพิมาย (อยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา ในปัจจุบัน)

                          .  ก๊กเจ้านคร  หัวหน้า คือ  พระปลัด  ผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช  ได้ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าที่เมืองนครศรีธรรมราช  เรียกกันว่า “เจ้านคร”  มีอาณาเขตอยู่ในอำนาจตั้งแต่หัวเมืองมลายูขึ้นมาจนถึงเมืองชุมพร

                          เมื่อขับไล่พม่าออกจากเมืองไทยและตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวงแล้ว  พระเจ้าตากสินมหาราชทรงคิดที่จะรวบรวมประเทศไทยให้เป็นปึกแผ่นต่อไป  เพราะในเวลานั้นคนไทยแบ่งกันเป็นก๊กเป็นเหล่า  พระเจ้าตากสินทรงคิดว่า  แม้จะต้องรบกับคนไทยด้วยกันเองก็ต้องทำ  เพราะเพื่อความเป็นปึกแผ่นของประเทศชาติ  ดังนั้นใน พ.. ๒๓๑๑  พระองค์จึงยกทัพมาตีก๊กพิษณุโลก  แต่ทรงพลาดท่าถูกข้าศึกยิงด้วยปืนมากถูกที่พระชงฆ์จึงยกทัพกลับและในปีเดียวกันได้เสด็จไปปราบก๊กเจ้าพิมาย  ทรงประสบชัยชนะเจ้าพิมายไม่ยอมอ่อนน้อม  จึงให้ประหารชีวิตเสีย   

                          ในปี พ.. ๒๓๑๒  ทรงยกกองทัพเรือไปตีก๊กเจ้านครได้สำเร็จ

                          ในปี พ.. ๒๓๑๓  พระเจ้าตากสินมหาราชทรงคิดที่จะกรีฑาทัพมุ่งเข้าโจมตีก๊กเจ้าพระฝาง  ซึ่งเป็นก๊กสุดท้าย  และกำลังความสามารถทัดเทียมกัน  และก๊กนี้มีอำนาจทางเหนือทั้งหมดยังได้คิดตีเอากรุงธนบุรีด้วย  ซึ่งถ้าตีเอากรุงธนบุรีได้ก็เท่ากับได้ปกครองเมืองไทยทั้งประเทศเหมือนกัน

                          เจ้าพระฝางก็ส่งกองทัพลงมาลาดตระเวนเช่นกัน  เป็นกองทัพย่อยซึ่งถ้าเห็นโอกาสก็จะตีเอากรุงธนบุรี

                          ในระยะเวลานั้น  ได้มีชาติฮอลันดาเข้ามาค้าขายกับธนบุรี  ได้นำปืนใหญ่เข้ามาถวายเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าไทย  และทางอินเดียวก็ได้นำปืนคาบศิลา  จำนวน ๒,๐๐๐ กระบอก  เข้ามาถวายเพื่อเปลี่ยนสินค้าเช่นเดียวกัน  ทำให้กองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราชเข้มแข็งขึ้น  ก็พอดีพระองค์ทรงทราบว่า  กองทัพลาดตระเวนของเจ้าพระฝางยกมาถึงเมืองอุทัยธานีแล้วและตั้งค่ายมั่นอยู่ที่ชัยนาท  พระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้จัดทัพเรือไปสกัดทัพเจ้าพระฝางไว้

                          ดังนั้น  ในวันเสาร์  เดือน ๘  แรม ๑๔ ค่ำ  พุทธศักราช ๒๓๑๓ (ตรงกับวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.. ๒๓๑๓)  พระเจ้าตากสินมหาราชทรงยกกองทัพออกจากกรุงธนบุรีมุ่งไปต่ก๊กเจ้าพระฝาง  ทรงแบ่งทัพออกเป็น ๒ ฝ่าย  คือ ทัพบกและทัพเรือ

                          ทัพบกแบ่งออกเป็น ๒ ทัพ  คือ  ให้พระยายมราช (บุญมา)  คุมทัพหนึ่งมีกำลังทหารประมาณ ๕,๐๐๐ นาย  ยกเลียบไปทางลำน้ำแควใหญ่  และอีกทัพหนึ่งให้พระยาพิชัยราชาควบคุม  มีกำลังทหารประมาณ ๕,๐๐๐ นาย  ยกติดตามมาตามลำดับ

 

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21

เวลา..วันที่..ขณะนี้...

"วัดราชคฤห์วรวิหาร" ตั้งอยู่เลขที่ ๔๓๔  ถนนเทอดไท    แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี   กรุงเทพมหานคร 
 Tel:02-4652908 ::.Created On:: Wed, Nov,17, 2004::.Time::07:19.Am.::
ดูแลเว็บโดย.... webmaster@luangpochom.com::webmaster@watrajkrueh.com

ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลครั้งหลังสุด 14/05/2562 10:17:35

luangpochom