พม่าตีเมืองพิชัย

                           ดังนั้น  ในต้นปีเถาะ  .. ๒๓๑๔  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ได้ทรงใช้เมืองพิชัยเป็นที่รวมพลได้กำลังทหารทั้งหมด ๑๕,๐๐๐ คน  ยกขึ้นไปตีเชียงใหม่  เดินทัพไปทางสวรรคโลก  เมืองเถิน  เมืองลี้  ได้มีเจ้าเมืองแพร่ คือ “พระยาแพร่มังชัย”  เข้ามาสวามิภักดิ์ช่วยกองทัพไทยด้วย  จึงได้โปรดพระราชทานความดีความชอบแต่งตั้งมังชัย (ซึ่งเป็นพม่า)  ให้เป็น “พระยาศรีสุริวงศ์”  แล้วยกทัพมาจนถึงเมืองลำพูน

                           ฝ่ายโปมะยุง่วนเมื่อเห็นฝ่ายไทยออกมาเร็วเช่นนั้น  จึงให้แต่งกองทัพออกมาตั้งค่ายรับศึกนอกเมืองพระยาพิชัย และเจ้าพระยาสุรสีห์ฯ  เข้าตีค่ายพม่าแตกยับเยินไป  พม่าถอยไปตั้งรับป้องกันไว้ภายในเมือง  ฝ่ายไทยพยายามจะหักเอาเมืองเชียงใหม่ให้ได้แต่ไม่สำเร็จ  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเห็นว่าเชียงใหม่มีป้อมปราการที่มั่นคงมาก  และทรงทราบถึงคำปรัมปรา  ซึ่งกล่าวกันมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาว่าเชียงใหม่ต้องตี ๒ ครั้งจึงจะแตก  เสบียงอาหารทางฝ่ายไทยก็เหลือน้อยเต็มที  ล้อมเชียงใหม่อยู่ ๙ วัน  จึงยกทัพกลับ  โปมะง่วนเห็นเป็นโอกาสขณะไทยถอยทัพจึงให้เข้าโจมตีทัพหลังไทย  ระส่ำระสายมาถึงทัพหลวง  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงพระแสงดาบเข้าสู้พม่าเอง  โดยมีพระยาพิชัย (จ้อย) ถวายอารักขาป้องกันพระเจ้าอยู่หัวไว้อย่างใกล้ชิด  การรุกรบถึงขั้นตะลุมบอน  พม่าต้านทหารฝ่ายไทยไว้ไม่ได้จึงแตกทัพถอยกลับไป ฝ่ายไทยได้มารวมพลเมืองพิชัยอีกครั้งหนึ่ง  ทรงให้ตั้งค่าและตำหนักทัพพลับพลาที่หาดทรายฝ่ายฟากตะวันออกตรงข้ามหน้าเมืองพิชัย  พระยาพิชัย (จ้อย หรือทองดี ฟันขาว)  ได้มีโอกาสนำแม่คุณใหญ่มารดาและรำยงภริยาเข้าเฝ้าถวายความจงรักภักดีอีกครั้งหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้เข้าเฝ้าด้วยความเมตตา  ซึ่งแม่คุณใหญ่และคุณหญิงรำยงปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณเป็นยิ่งนัก  เมื่อทรงสนทนากับพระยาพิชัยพอสมควรแล้ว  ก็ได้เสด็จกลับกรุงธนบุรีโดยทางชลมารค

                           ๕. พม่าตีเมืองพิชัย

                           เรื่องราวเกี่ยวกับพม่าตีเมืองพิชัยนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือ  “ไทยรบพม่า”  ซึ่งมีรายละเอียดต่อไปนี้

พม่าตีเมืองพิชัย  ครั้งที่ ๑

                           ในปีเถาะ พ.. ๒๓๑๔  ที่กรุงศรีสัตนาคนหุต  เจ้าสุริยวงศ์ซึ่งเป็นเจ้าเมืองหลวงพระบาง  ได้วิวาทกับเจ้าบุญสารซึ่งเป็นเจ้าเมืองเวียงจันทน์  เจ้าหลวงพระบางได้ยกกองทัพลงมาตีเมืองเวียงจันทน์    เจ้าเมืองเวียงจันทน์เกรงจะสู้พวกเมืองหลวงพระบางไม่ไหว  จึงทูลให้พระเจ้าอังวะยกกำลังมาช่วย  ขณะนั้นพม่าเพิ่งเสร็จศึกกับจีน  กษัตริย์พม่าจึงให้ชิกชิงโบเป็นกองหน้า  โปสุพลาเป็นแม่ทัพคุมกองทัพพม่ารวมจำนวน ๕,๐๐๐ คน มาช่วยเวียงจันทน์ฝ่ายหลวงพระบางซึ่งเป็นกำลังล้อมเวียงจันทน์อยู่นั้น  พอทราบว่า พม่ากำลังมาช่วยเวียงจันทน์ก็รีบถอยทัพกลับไปรักษาเมืองหลวงพระบางไว้  เพราะเกรงว่าพม่าจะยกไปตีหลวงพระบางก็ได้  เพราะเมืองหลวงพระบางอยู่ต้นทางที่พม่าจะยกไปเมืองเวียงจันทน์  โปสุพลาได้ยกเข้าตีหลวงพระบาง   เจ้าสุริยวงศ์สู้ไม่ได้จึงยอมอ่อนน้อม  กษัตริย์พม่าได้สั่งให้โปสุพลาว่าเมื่อตีเมืองหลวงพระบางได้แล้วยังไม่ให้กลับไปพม่า  สั่งให้ลงมาตั้งอยู่ที่เมืองเชียงใหม่คอยป้องกันเมืองเพราะไทยอาจยกขึ้นไปตีอีก  โปสุพลาจึงเดินทัพมาทางเมืองน่าน  ครั้นมาใกล้แดนไทยทำนองจะเป็นเพราะโปสุพลาอยากใคร่อวดฝีมือทหารของตน ข่มโปมะยุง่วนเจ้าเมืองเชียงใหม่ด้วยความรู้ว่าโปมะยุง่วนเคยมาเสียทีไทยที่เมืองสวรรคโลก  จึงแบ่งกองทัพพม่าให้ชิกชิงโปนายทัพหน้า  คุมมาตีเมืองไทยที่ปลายแดนชิกชิงโปยกเข้ามาที่เมืองลับแลไม่มีใครต่อสู้ก็ได้เมืองลับแลได้โดยง่าย  พม่าเก็บทรัพย์จับผู้คนได้ที่เมืองลับแลไม่พอต้องการจึงยกเลยเข้ามาตีเมืองพิชัย  เมื่อฤดูแล้งปลายปีมะโรง  .. ๒๓๑๕  รี้พลเมืองเมืองพิชัยเวลานั้นยังมีน้อยพระยาพิชัยจึงรักษาเมืองมั่นไว้ยังไม่ออกรบ  มีใบบอกมาขอกำลังเมืองพิษณุโลกให้ขึ้นไปช่วยเจ้าพระยาสุรสีห์ฯ เจ้าเมืองพิษณุโลกรีบเกณฑ์กองทัพยกไปช่วยเมืองพิชัย  ขณะนั้นพม่าตั้งค่ายอยู่ที่วัดเอกา  กองทัพพิษณุโลกขึ้นไปถึงก็เข้าตีค่ายพม่า  ฝ่ายพระยาพิชัยก็ยกทัพออกมาตีกระหนาบอีกด้านหนึ่ง  ได้รบพุ่งกันถึงใช้อาวุธสั้นฟันแทงเป็นตะลุมบอนกองทัพพม่าต้านทานไม่ไหวก็แตกหนีไปเมืองเชียงใหม่

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21

 

เวลา..วันที่..ขณะนี้...

"วัดราชคฤห์วรวิหาร" ตั้งอยู่เลขที่ ๔๓๔  ถนนเทอดไท    แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี   กรุงเทพมหานคร 
 Tel:02-4652908 ::.Created On:: Wed, Nov,17, 2004::.Time::07:19.Am.::
ดูแลเว็บโดย.... webmaster@luangpochom.com::webmaster@watrajkrueh.com

ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลครั้งหลังสุด 14/05/2562 10:18:15

luangpochom